3 สมุนจอมป่วน หรือ 3 พี่น้องจอมยุ่ง (The Three Stooges) เป็นทีมตลกอเมริกาซึ่งเล่นกันในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 จนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 70 ซึ่งรู้จักกันดีในภาพยนตร์สั้นของพวกเขา ซึ่งตลกของเขาจะเน้นในทางกริยาและการเจ็บตัว
ในภาพยนตร์สั้นของ 3 พี่น้องจอมยุ่ง ซึ่งเป็นทีมตลก 3 คน ซึ่งประกอบไปด้วย โม ฮาวเวอร์ด (Moe Howard) เป็นสมุนคนที่ 1, แลร์รี่ ไฟน์ (Larry Fine) เป็นสมุนคนที่ 2 และ เคอร์ลี่ ฮาวเวอร์ด (Curly Howard) เป็นสมุนคนที่ 3 ตั้งแต่ ค.ศ. 1934 ถึง ค.ศ. 1946 แต่เมื่อเคอร์ลี่ เป็นโรคหลอดเลือดสมองและเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 1952 เชมพ์ ฮาวเวอร์ด (Shemp Howard) จึงเข้ามาแทนที่เป็นสมุนคนที่ 3 แต่เมื่อเชมพ์เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1955 จึงใช้สตั้นท์ชื่อว่า โจ พาลมา (Joe Palma) แสดงแทนเป็นเชมพ์ และในปีเดียวกันได้ถูกแทนที่โดย โจ เบสเซอร์ (Joe Besser) และ เคอร์ลี่ "โจ" เดริต้า ("Curly-Joe" DeRita) ในปี ค.ศ. 1959 แต่เมื่อแลร์รี่ เสียชีวิตในโรคหลอดเลือดสมอง ในปี ค.ศ. 1970 จึงถูกแทนที่โดย อีมิล ซิทกา (Emil Sitka) แต่เมื่อโม ได้เสียชีวิตโดยโรคมะเร็งในปี ค.ศ. 1975 3 สมุนจอมป่วนจึงหยุดเล่นในปี ค.ศ. 1975
3 พี่น้องจอมยุ่งเริ่มเล่นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1922 ซึ่งในช่วงแรกเป็นเพียงแค่การแสดงตลกในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งมักจะเล่นมุขโดยพูดเรื่องตลก หรือ ร้องเพลง และใช้ชื่อว่า เท็ด ฮีลี่ กับสมุนจอมยุ่ง (Ted Healy and His Stooges) ซึ่งมีสมาชิก 4 คน ได้แก่ เท็ด ฮีลี่ (Ted Healy), โม ฮาวเวอร์ด (Moe Howard) ซึ่งอยู่ในวงการก่อนและพี่ชายของเขา เชมพ์ ฮาวเวอร์ด (Shemp Howard) ซึ่งก่อนหน้านั้นเท็ด ชวนโมขอให้เล่นตลกกับเขาแต่มีข้อแม้คือต้องได้เงินค่าเล่นตลกในแต่ละวัน แต่ในปี ค.ศ. 1925 โม และ เชมพ์ชวนเพื่อนของเขา แลร์รี่ ไฟน์ (Larry Fine) นักดนตรีที่มีชื่อเสียง และ เฟรด ซานบอร์น (Fred Sanborn) ให้มาเล่นด้วย
เท็ด ฮีลี่ กับสมุนจอมยุ่ง ดังสุดจนในปี ค.ศ. 1930 เท็ด ฮีลี่ กับสมุนจอมยุ่ง ได้รับจดหมายจาก Fox Studios ให้ไปรับเล่นภาพยนตร์ระดับฮอลลิวู้ด เรื่อง Soup to Nuts ซึ่งจัดจำหน่ายโดย Fox Studios ถือว่าเป็นการทำให้ เท็ด ฮีลี่ กับพี่น้องจอมยุ่ง โด่งดังเป็นอย่างมาก แต่ในปีเดียวกันเฟรด ซานบอร์น และ เชมพ์ ฮาวเวอร์ด เลิกเล่นเท็ด ฮีลี่ กับสมุนจอมยุ่ง โดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่ในปี ค.ศ. 1932 เชมพ์หายไปเนื่องจากไปทำภาพยนตร์สั้นเดี่ยวจึงเรียก เจอร์โรม ฮาวเวอร์ด (Jerome Howard) ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเคอร์ลี่ (Curly) มาแทนเชมพ์ อีก 3 ปีให้หลัง Metro Goldwyn Mayer (MGM) เรียกให้มาทำภาพยนตร์สั้นเรื่อง Nertsery Rhymes และได้มีภาพยนตร์สั้นที่ได้ทำกับ MGM อีกเช่น Beer and Pretzels, Plane Nuts, และ The Big Idea และได้เป็นแขกรับเชิญของภาพยนตร์เรื่องอื่นของ MGM อีกด้วย เช่น Meet the Baron เป็นต้น
ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1934 โม, แลร์รี่ และ เคอร์ลี่ ได้แยกจากเท็ด ไปทำภาพยนตร์สั้นร่วมกับ โคลัมเบีย พิคเจอร์ โดยใช้ชื่อว่า 3 สมุนจอมป่วน (The Three Stooges)
ต่อมาในปี ค.ศ. 1934 โม, แลร์รี่ และ เคอร์ลี่ ได้ทำเป็นภาพยนตร์สั้นร่วมกับ โคลัมเบีย พิคเจอร์ โดยตอนแรกชื่อว่า Woman Haters โดยลงสัญญาให้เรื่องละ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อภาพยนตร์ แต่พอเล่นได้เพียงแค่ 3 ตอน ในตอนที่ 3 ในตอนที่มีชื่อว่า Men in Black ได้รับรางวัล อคาเดมี่ อาวอร์ด
โม, แลร์รี่ และ ผู้กำกับ ได้บอกถึงตอนที่ดีที่สุดคือตอน You Nazty Spy! ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1940 ซึ่งโม, แลร์รี่ และ เคอร์ลี่ เป็นผู้ผลิตอาวุธแห่งประเทศหนึ่ง และโมได้เป็นถึงผู้นำประเทศ, เคอร์ลี่เป็นจอมพล และแลร์รี่เป็นรัฐมนตรี
โม, แลร์รี่ และ เคอร์ลี่ ทำภาพยนตร์สั้นรวมถึง 97 ตอน (1934 - 1947) โดยในตอน Half-Wits Holiday ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1947 เป็นตอนสุดท้ายของเคอร์ลี่ ซึ่งเคอร์ลี่ได้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1952 โดยอายุ 48 ปี ซึ่งต่อมาถูกแทนที่โดยเชมพ์ ฮาวเวิร์ด
หลังจากเคอร์ลี่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง โม จึงเรียก เชมพ์ ฮาวเวอร์ด มาแทนที่เป็นสมุนคนที่ 3 หลังจากที่ทำภาพยนตร์สั้นเดี่ยวมานาน โดยในตอนแรกคือตอน Fright Night ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1947
โม, แลร์รี่ และ เชมพ์ ทำภาพยนตร์สั้นรวมถึง 78 ตอน (1947-1955) โดยในตอน Commotion on the Ocean ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 เป็นตอนสุดท้ายของเชมพ์ ฮาวเวอร์ด (แต่ที่จริงแล้วคือตอน For Crimin' Out Loud เพราะว่าใน 4 ตอนสุดท้ายได้แก่ Rumpus in the Harem, Hot Stuff, Scheming Schemers และตอน Commotion on the Ocean จึงใช้สตั้นท์ชื่อว่า โจ พาลมา (Joe Palma) แสดงแทนเป็นเชมพ์) ซึ่งเชมพ์ได้เป็นโรคหัวใจ และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1955 โดยอายุ 60 ปี ซึ่งต่อมาถูกแทนที่โดยโจ เบสเซอร์
โจ เบสเซอร์ (Joe Besser) มาแทนเชมพ์ ฮาวเวอร์ด ในปี ค.ศ. 1956 มาแทนที่เป็นสมุนคนที่ 3 โดยในตอนแรกคือตอน Hoofs and Goofs ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1956
ในช่วงปี ค.ศ. 1956 มีการคัดเลือกหาสมุนคนที่ 3 ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเคอร์ลี่ ฮาวเวิร์ด ซึ่งเป็นสมุนคนที่ 3 ในปี ค.ศ. 1933 ถึงปี ค.ศ. 1947 ซึ่งกรรมการได้เลือก โจ เบสเซอร์ ซึ่งไม่มีพื้นฐานการเป็นสมุนคนที่ 3 เลย
โม, แลร์รี่ และ โจ ทำภาพยนตร์สั้นรวมเพียง 16 ตอน (1956 - 1958) โดยในตอน Sappy Bull Fighters ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1958 เป็นตอนสุดท้ายของโจ ซึ่งในช่วงนั้นภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์จะเป็นภาพยนตร์เรื่องยาว โดยที่ผ่านมาทำภาพยนตร์สั้นมาโดยตลอด และเหตุผลส่วนตัวที่เล่นกันไม่ค่อยเข้าขา ซึ่งต่อมาถูกแทนที่โดยเคอร์ลี่ โจ โจ เบสเซอร์ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายในปี ค.ศ. 1988 โดยอายุ 80 ปี
เคอร์ลี่ โจ เดริต้า (Curly Joe DeRita) มาแทนโจ เบสเซอร์ ในปี ค.ศ. 1958 มาแทนที่เป็นสมุนคนที่ 3 โดยในภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Have Rocket, Will Travel ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1958
และต่อมาจึงมีภาพยนตร์เรื่องยาว เช่น Have Rocket, Will Travel, The Three Stooges Meet Hercules, The Three Stooges Go Around the World in a Daze และ Snow White and the Three Stooges และได้เป็นแขกรับเชิญเรื่อง It's a Mad, Mad, Mad, Mad World ในปี ค.ศ. 1965 จึงได้ทำการ์ตูนโทรทัศน์เรื่อง The New Three Stooges และในปี ค.ศ. 1970 ได้ทำซิทคอมเรื่อง Kook's Tour ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของ 3 สมุนจอมป่วน อย่างเป็นทางการ
โม, แลร์รี่ และ เคอร์ลี่ โจ ทำภาพยนตร์เรื่องยาวรวมเพียง 7 ตอน (1956 - 1971) โดยในตอน Kook's Tour ซึ่งฉายเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1970 เป็นตอนสุดท้ายของ 3 สมุนจอมป่วน และของแลร์รี่ แลร์รี่ ไฟน์เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองในปี ค.ศ. 1974